เพศศึกษาในโรงเรียน เพียงพอหรือแกล้งพอ เพศศึกษาในโรงเรียน เพียงพอหรือแกล้งพอ หลังจากที่เป็นประเด็นดราม่ากันเป็นอย่างมากสำหรับการออกหมายจับน้องไข่เน่า ดาว Only fans ทำให้หลายคนในสังคมตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้แต่ถ้าอยากลองดูคลิปไปด้วยใช้ จิ๋มกระป๋อง กับของทางร้านเราไปด้วยก็เสียวใช่เล่นเหมือนกันนะเนี่ย มาต่อกันดีกว่าครับ เพราะหลาย ๆ คนในสังคมก็มองว่าเป็นการผลิตสื่อชนิดหนึ่งที่ต้องจ่ายเงินเพื่อที่จะเข้าไปดูได้ ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถดูได้ทุกคน ซึ่งที่น้องไข่เน่าโดนก็คือ ร่วมกันทำ ผลิต มีไว้หรือนำเข้าหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ อันลามก เพื่อความประสงค์แห่งการค้า เพื่อแจกจ่าย หรือเพื่อการแสดงแก่ประชาชน มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เรียกได้ว่าโทษก็หนักพอสมควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เกิดความไม่สบายใจของสังคมว่าถ่ายคลิปลงกับแฟนแล้วลงในโซเชียลเป็นเรื่องของตัวเองแล้วทำไมมันถึงผิดกฎหมาย เราจะยกคำพูดของน.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง ผู้อำนวยการมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคมไว้ว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นนั้น สะท้อนได้ในหลายๆ เรื่องเกี่ยวกับเพศวิถีของไทย ซึ่งการมีเพศสัมพันธ์ถือเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ โดยแต่ละประเทศนั้นจะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเพศแตกต่างกันออกไป ในประเทศไทยต้องดูว่าการมีเพศสัมพันธ์แล้วนำมาเปิดเผยอยู่ในรูปแบบของการแสวงหาผลประโยชน์ได้หรือไม่ ซึ่งตอนนี้เรื่องดังกล่าวไม่ได้เปิดกว้างเหมือนในต่างประเทศ จะเข้าข่ายภาพลามก อนาจารทำเพื่อการค้า กฎหมายถึงมือผิดแม้ว่าเจตนาจะเป็นแบบไหนก็ตาม มีการยินยอมหรือไม่ แบบไหนอย่างไร เจ้าหน้าที่บ้านเมือง “ต้องแยกให้ออกระหว่างสิทธิส่วนตัว กับการผิดกฎหมาย ซึ่งหากถ่ายเก็บไว้ดูกันเอง ไม่ได้กระทบคนอื่น หรือทำให้เกิดผลกระทบตามมาก็อาจจะไม่ได้เข้าข่ายผิดกฎหมายของไทย แต่ตอนนี้ถือว่าผิด ดังนั้น แม้ตอนนี้เรื่องเพศจะเปิดกว้างมากขึ้น และทุกคนเคารพ ความเสมอภาค แต่ความเป็นจริงยังมีการเลือกปฎิบัติ มีฐานอคติทางเพศ และกรณีข่มขืน รุมโทรมหลายๆ กรณีก็เกิดจากการดูภาพลามกอนาจารในโซเซียลมีเดีย และเป็นการกระตุ้นให้คนที่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ไปข่มขืน หรือทำร้ายผู้อื่น” ซึ่งถ้ามองในมุมมองของกฎหมายก็จะมีความผิด อาจจะต้องทำการแก้ไขหรือปรับปรุงกันใหม่เพื่อที่จะให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนเปลี่ยนของโลกที่นับวันยิ่งก้าวกระโดดเป็นอย่างมาก เมื่อเป็นอย่างนี้ประชาชนก็เลยย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยเรียนกันว่าทำไมในโรงเรียนถึงแทบจะไม่ได้สอนอะไรที่เกี่ยวกับเพศศึกษาเลย ต้องมาศึกษากันข้างนอกหรือหน้างานจริง ๆ จนทำให้เกิดการพลาดที่เรียกว่า ท้องไม่พร้อมหรือติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์กันเยอะมากโดยเฉพาะร้องท้องไม่พร้อม ซึ่งในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 มีกลุ่มสตรีโทรมาขอรับบริการปรึกษาที่ 1663 เกี่ยวกับปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อมมากถึง 4,461 คน หรือเฉลี่ย 149 คนต่อวัน เพราะอะไรทำไมถึงเกิดปัญหานี้ได้ขนาดนี้นักทั้ง ๆ ที่การสื่อสารหรือการสื่อการสอนพัฒนากันไปมาก ทำให้เกิดคำถามว่าการสอนเพศศึกษาในไทยมีความล้มเหลวหรือไม่ จากการสำรวจ มีงานวิจัยว่าด้วยการทบทวนการสอนเพศวิถีในสถานศึกษาไทย ซึ่งสำรวจข้อมูลนักเรียนมัธยมศึกษา และอาชีวศึกษากว่า 8,800 คน และครูกว่า 700 คนในโรงเรียนมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา 398 แห่ง ระหว่างเดือน ก.ย. 2558 ถึงเดือน มี.ค. 2559 สิ่งที่พบคือ โรงเรียนไทยหลายแห่ง ยังมีปัญหาเรื่องสอนเพศวิถีศึกษาไม่รอบด้าน และเน้นหนักไปเรื่องพัฒนาการทางเพศเป็นหลัก แต่ไม่ได้ให้น้ำหนักกับการให้ความสำคัญเรื่องการเคารพสิทธิ (โดยเฉพาะเรื่องเพศ) ของผู้อื่นเท่าที่ควร จนอาจส่งผลให้เกิดทัศนคติเชิงลบ และไม่เห็นด้วยกับความเท่าเทียมและสิทธิทางเพศ เรียกได้ว่าเป็นปัญหากันมาตลอดหลายปี เมื่อมีการท้องเมื่อไม่พร้อมทำให้เราสูญเสียอนาคตของชาติไปเป็นจำนวนมาก ทำให้สังคมได้รับผลกระทบไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมอย่างแน่นอน อาจจะต้องทำการแก้ไขและพัฒนากฎหมายหรือกฎโรงเรียนเพื่อให้ออกมารองรับสำหรับผู้ที่ท้องไม่พร้อมถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่กฎหมายทำแท้งสามารถทำได้ในโรงพยาบาลทั่วไป ทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้นในการทำแท้ง ไว้บทความหน้าเราจะมาพูดถึงทำแท้งเมื่อไม่พร้อม คิดเห็นเช่นไร อยากพูดคุยเพิ่มเติมสามารถติดต่อมาได้ตลอดเวลาไม่ต้องเกรงใจ ไม่ว่าจะเป็นทาง Facebook หรือ Line ได้เลย ด้วยประสบการณ์ขายมามากกว่า 10 ปี ของทุกชิ้นนั้นไม่มีทางผิดหวังอย่างแน่นอนครับ ต้องขอบคุณข้อมูลสุขภาพจากทาง Bangkokbiznews : https://www.bangkokbiznews.com/social/962091 Share this:TwitterFacebook
เพศศึกษาในโรงเรียน เพียงพอหรือแกล้งพอ
เพศศึกษาในโรงเรียน เพียงพอหรือแกล้งพอ
เพศศึกษาในโรงเรียน เพียงพอหรือแกล้งพอ หลังจากที่เป็นประเด็นดราม่ากันเป็นอย่างมากสำหรับการออกหมายจับน้องไข่เน่า ดาว Only fans ทำให้หลายคนในสังคมตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้แต่ถ้าอยากลองดูคลิปไปด้วยใช้ จิ๋มกระป๋อง กับของทางร้านเราไปด้วยก็เสียวใช่เล่นเหมือนกันนะเนี่ย มาต่อกันดีกว่าครับ เพราะหลาย ๆ คนในสังคมก็มองว่าเป็นการผลิตสื่อชนิดหนึ่งที่ต้องจ่ายเงินเพื่อที่จะเข้าไปดูได้ ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถดูได้ทุกคน ซึ่งที่น้องไข่เน่าโดนก็คือ ร่วมกันทำ ผลิต มีไว้หรือนำเข้าหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ อันลามก เพื่อความประสงค์แห่งการค้า เพื่อแจกจ่าย หรือเพื่อการแสดงแก่ประชาชน มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เรียกได้ว่าโทษก็หนักพอสมควร
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เกิดความไม่สบายใจของสังคมว่าถ่ายคลิปลงกับแฟนแล้วลงในโซเชียลเป็นเรื่องของตัวเองแล้วทำไมมันถึงผิดกฎหมาย เราจะยกคำพูดของน.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง ผู้อำนวยการมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคมไว้ว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นนั้น สะท้อนได้ในหลายๆ เรื่องเกี่ยวกับเพศวิถีของไทย ซึ่งการมีเพศสัมพันธ์ถือเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ โดยแต่ละประเทศนั้นจะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเพศแตกต่างกันออกไป ในประเทศไทยต้องดูว่าการมีเพศสัมพันธ์แล้วนำมาเปิดเผยอยู่ในรูปแบบของการแสวงหาผลประโยชน์ได้หรือไม่ ซึ่งตอนนี้เรื่องดังกล่าวไม่ได้เปิดกว้างเหมือนในต่างประเทศ จะเข้าข่ายภาพลามก อนาจารทำเพื่อการค้า กฎหมายถึงมือผิดแม้ว่าเจตนาจะเป็นแบบไหนก็ตาม มีการยินยอมหรือไม่ แบบไหนอย่างไร เจ้าหน้าที่บ้านเมือง “ต้องแยกให้ออกระหว่างสิทธิส่วนตัว กับการผิดกฎหมาย ซึ่งหากถ่ายเก็บไว้ดูกันเอง ไม่ได้กระทบคนอื่น หรือทำให้เกิดผลกระทบตามมาก็อาจจะไม่ได้เข้าข่ายผิดกฎหมายของไทย แต่ตอนนี้ถือว่าผิด ดังนั้น แม้ตอนนี้เรื่องเพศจะเปิดกว้างมากขึ้น และทุกคนเคารพ ความเสมอภาค แต่ความเป็นจริงยังมีการเลือกปฎิบัติ มีฐานอคติทางเพศ และกรณีข่มขืน รุมโทรมหลายๆ กรณีก็เกิดจากการดูภาพลามกอนาจารในโซเซียลมีเดีย และเป็นการกระตุ้นให้คนที่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ไปข่มขืน หรือทำร้ายผู้อื่น” ซึ่งถ้ามองในมุมมองของกฎหมายก็จะมีความผิด อาจจะต้องทำการแก้ไขหรือปรับปรุงกันใหม่เพื่อที่จะให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนเปลี่ยนของโลกที่นับวันยิ่งก้าวกระโดดเป็นอย่างมาก เมื่อเป็นอย่างนี้ประชาชนก็เลยย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยเรียนกันว่าทำไมในโรงเรียนถึงแทบจะไม่ได้สอนอะไรที่เกี่ยวกับเพศศึกษาเลย ต้องมาศึกษากันข้างนอกหรือหน้างานจริง ๆ จนทำให้เกิดการพลาดที่เรียกว่า ท้องไม่พร้อมหรือติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์กันเยอะมากโดยเฉพาะร้องท้องไม่พร้อม ซึ่งในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 มีกลุ่มสตรีโทรมาขอรับบริการปรึกษาที่ 1663 เกี่ยวกับปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อมมากถึง 4,461 คน หรือเฉลี่ย 149 คนต่อวัน เพราะอะไรทำไมถึงเกิดปัญหานี้ได้ขนาดนี้นักทั้ง ๆ ที่การสื่อสารหรือการสื่อการสอนพัฒนากันไปมาก ทำให้เกิดคำถามว่าการสอนเพศศึกษาในไทยมีความล้มเหลวหรือไม่ จากการสำรวจ มีงานวิจัยว่าด้วยการทบทวนการสอนเพศวิถีในสถานศึกษาไทย ซึ่งสำรวจข้อมูลนักเรียนมัธยมศึกษา และอาชีวศึกษากว่า 8,800 คน และครูกว่า 700 คนในโรงเรียนมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา 398 แห่ง ระหว่างเดือน ก.ย. 2558 ถึงเดือน มี.ค. 2559 สิ่งที่พบคือ โรงเรียนไทยหลายแห่ง ยังมีปัญหาเรื่องสอนเพศวิถีศึกษาไม่รอบด้าน และเน้นหนักไปเรื่องพัฒนาการทางเพศเป็นหลัก แต่ไม่ได้ให้น้ำหนักกับการให้ความสำคัญเรื่องการเคารพสิทธิ (โดยเฉพาะเรื่องเพศ) ของผู้อื่นเท่าที่ควร จนอาจส่งผลให้เกิดทัศนคติเชิงลบ และไม่เห็นด้วยกับความเท่าเทียมและสิทธิทางเพศ
เรียกได้ว่าเป็นปัญหากันมาตลอดหลายปี เมื่อมีการท้องเมื่อไม่พร้อมทำให้เราสูญเสียอนาคตของชาติไปเป็นจำนวนมาก ทำให้สังคมได้รับผลกระทบไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมอย่างแน่นอน อาจจะต้องทำการแก้ไขและพัฒนากฎหมายหรือกฎโรงเรียนเพื่อให้ออกมารองรับสำหรับผู้ที่ท้องไม่พร้อมถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่กฎหมายทำแท้งสามารถทำได้ในโรงพยาบาลทั่วไป ทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้นในการทำแท้ง ไว้บทความหน้าเราจะมาพูดถึงทำแท้งเมื่อไม่พร้อม คิดเห็นเช่นไร อยากพูดคุยเพิ่มเติมสามารถติดต่อมาได้ตลอดเวลาไม่ต้องเกรงใจ ไม่ว่าจะเป็นทาง Facebook หรือ Line ได้เลย ด้วยประสบการณ์ขายมามากกว่า 10 ปี ของทุกชิ้นนั้นไม่มีทางผิดหวังอย่างแน่นอนครับ
ต้องขอบคุณข้อมูลสุขภาพจากทาง Bangkokbiznews : https://www.bangkokbiznews.com/social/962091
Share this: